Skip to main content

ความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด | Keyword Density

ความหนาแน่นของจำนวนคีย์เวิร์ด Keyword Density


Keyword Density
Keyword Density
บางคนอาจคิดว่าการเพิ่มความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด ในจำนวนที่มากนั้นเป็นช่องทางที่จะทำให้การทำการตลาดเวปไซต์ติดอันดับการค้นหาได้ดีขึ้น จริงๆแล้วในระบบ Algorithm ของแต่ละ Search Engines นั้น ไม่ได้คิดเช่นนั้น การที่เรามีคีย์เวิร์ดในจำนวนที่มากเกินความจำเป็น ดูแล้วรกหูรกตา และดูจงใจเกินไปนั้น ทางเวปไซต์ให้บริการค้นหาต่างๆจะทำการจัดให้อยู่ในเวปไซต์ที่พ่นคำค้นหาผิดปกติ ซึ่งก็คือเวปสแปม Spam นั่นเอง หรือบางทีเวปไซต์บางแห่งก็มีแต่กลุ่มคำที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่ได้กำหนดไว้เลยก็มี ซึ่งอาจส่งผลให้บ๊อทที่ตามเก็บข้อมูลเกิดความสับสนได้ในอนาคต ซึ่งกรณีดังกล่าวส่งผลเสียให้กับเวปไซต์ของคุณทั้งสิ้น

*อาจเป็นการดีที่จะทำให้ทราบถึงจำนวนคีย์เวิร์ดในเวปไซต์ โดยที่คุณสามารถตรวจเช็คได้ด้วยตัวเองกับโปรแกรมฟรีมากมาย โดยคุณอาจ search เวปที่เกี่ยวกับการ check keyword density หรือ keyword density checker หรือคุณอาจะใช้โปรแกรม Microsoft Word ตรวจค้นว่าคำๆนึงที่คุณตั้งใจตั้งเป็นคีย์เวิร์ดของหน้านั้นๆ มีการใช้ไปจำนวนเท่าไหร่แล้ว โดยที่ให้คุณพิมพ์เนื้อหาหน้านั้นลงไป และกด Ctrl+F เพื่อค้นหาคำนั้นดูอีกที ต่อไปนี้คือตำแหน่งที่ SEO For Thai แนะนำให้คุณเติมในหน้าเวปไซต์


ชื่อเวปไซต์ (URL) ที่ควรมีคีย์เวิร์ดผสมอยู่ด้วย ยิ่งถ้าเวปไซต์ของคุณมีคู่แข่งมากเท่าไหร่ การที่เราสร้างคีย์เวิร์ดให้เป็นชื่อของเวปไซต์แล้วด้วยนั้น จะเป็นตัวช่วยให้เวปไซต์ของเราได้รับการแสดงผลใน Search Engines ที่ในตำแหน่งดีกว่า และในหน้าย่อยของเวปไซต์ คุณควรมีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวพันธ์กับเนื้อหาในหน้านั้นๆ และไม่ควรใส่เครื่องหมายละ(-) กับชื่อ URL นั้นๆมากเกินไป ตัวอย่างเช่น seoforthai.com/ความ-สัมพันธ์-ของ-คีย์-เวิร์ด จะเห็นได้ว่ามีจำนวนเครื่องหมาย (-) มากเกินไป ซึ่งไม่ส่งผลดีให้กับการเก็บข้อมูลของบ๊อทนั้นๆเลย
Search Engines
Search Engines
  1. หัวข้อ (Title) ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับบ๊อทในการเก็บข้อมูลเวปไซต์ indexing เวปไซต์ของได้เร็วขึ้น
  2. ประมาณ 2-1000 คำแรกของเนื้อหาในหน้านั้นๆ ควรมีคีย์เวิร์ดกระจายอยู่ประมาณ 2-3 คำเท่านั้น
  3. ในจำนวนคีย์เวิร์ดในเนื้อหาของหน้าเวปไซต์หนึ่งควรทำให้เป็นจุดเด่น โดยการเพิ่มความหนาของคีย์เวิร์ดนั้น หรือทำตัวเอียง หรืออาจขีดเส้นใต้คำก็ได้ และเพื่อให้แน่ใจในโค๊ด HTML ควรตรวจสอบดูอีกครั้งเช่น ถ้าเรากำหนดให้ทำตัวหน้าที่คำๆนั้น โค๊ดจะต้องแสดงว่า <strong> หรือ <b> นั่งเอง
  4. บ๊อทที่ทำการเก็บข้อมูลในหน้าเวปไซต์ ไม่ใช่มนุษย์ ใช่แล้วครับ แบะบ๊อทก็ไม่ใช้มนุษย์ในการเก็บข้อมูล แต่บ๊อทคือโค๊ด Algorithm สร้างมาเพื่อตรวจสอบเวปไซต์และเก็บข้อมูลของหน้าเวปไซต์ของท่าน ดังนั้น รูปภาพที่อยู่บนหน้าเวปไซต์ของคุณควรที่จะบอกให้บ๊อททราบว่ามันคือรูปอะไร และเกี่ยวข้องอย่างไรกับเวปไซต์ของคุณ โดยที่คุณสามารถบอกให้บ๊อททราบโดยการเขียน caption ให้ทราบว่านี่คือรูปอะไร ทางที่ดีควรใส่คีย์เวิร์ดหลักของท่าน เพื่อเน้นความสัมพันธ์กับเนื้อหาในหน้าเวปไซต์เป็นหลัก ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ในการเก็บข้อมูลแล้ว ยังเป็นผลพลอยได้ในการค้นหารูปภาพอีกด้วย ซึ่งการค้นหารูปภาพนี้จะเชื่อมโยงลิงค์มาที่เวปไซต์เราโดยอัตโนมัติด้วย
  5. เพิ่มคีย์เวิร์ดในส่วนของ Meta Tag ด้วย(ถ้าคุณสงสัยเกี่ยวกับ Meta Tag คืออะไร คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความ Meta Tag ครับ) โดยทั้งนี้ SEO For Thai ขอแนะนำให้คุณใส่คีย์เวิร์ดใน Meta Tag และ Meta Description ให้อยู่ในระหว่างคำที่ 2-500 คำแรก
  6. ไม่ควรใส่ลิงค์ Anchor Text ให้กลับมาที่หน้าเวปไซต์นั่นๆเองอีก ซึ่งจะทำให้เกิดการสับสนของความเกี่ยวข้องในข้อมูลขึ้นได้ เช่นสมมุติคุณใส่ลิงค์ให้คำๆหนึ่งในหน้าเวปไซต์นั้นเป็น SEO แทนที่คุณจะให้ลิงค์นั้นพาผู้สนใจในข้อมูลเกี่ยวกับ SEO ไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในหน้าอื่นๆ คุณกลับลิงค์ให้ผู้สนใจเข้ามาอ่านข้อมูลของหน้าเวปไซต์ปัจจุบันอีกครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างความสับสนในข้อมูลให้กับผู้ที่ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ SEO เป็นอย่างมาก
  7. การสร้างลิงค์ดาวโหลดเอกสารที่ตั้งชื่อลิงค์นั้นๆเป็นคีย์เวิร์ดหลักของเวปไซต์ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะเพิ่มสถิติการเยี่ยมชมของกลุ่มผู้สนใจอีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งยิ่งมีผู้สนใจค้นหาคีย์เวิร์ดของคุณมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่ม traffic ให้กับเวปไซต์คุณมากขึ้นเท่านั้น
  8. คำอธิบายในหน้าเวปเพจย่อย ไม่ควรที่จะซ้ำกันในทุกๆหน้าเวจย่อย ซึ่งจะเป็นการง่ายกับผู้สนใจในการเก็บหน้าเวปเพจของคุณในบุ๊คมาร์ค Bookmark โดยที่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขั้นตอนในการเปลี่ยนชื่ออีกในภายหลัง
  9. ถ้าคุณสังเกตข้อความที่ขึ้นด้านบนสุดเหนือกลุ่มเมนูของเบราเซอร์แล้วนั้น คุณจะพบว่าข้อความพวกนั้นจะใช้ในการอธิบายกลุ่มผู้สนใจเกี่ยวกับเวปไซต์ของท่าน และยังจะใช้ในการขึ้นเป็นหัวข้อในระบบอัปเดตอัตโนมัติของ RSS Feed Burner อีกด้วย ดังนั้นคุณควรให้ความสำคัญใส่คีย์เวิร์ดหลักของคุณในนั้นด้วย โดยที่ SEO For Thai ขอแนะนำว่าให้ใส่คำอธิบาย Page Titles ให้มีจำนวนคำเพียง 64 ตัวอักษรเท่านั้น ซึ่งโดยที่ถ้าคุณสร้างคำอธิบายมากเกินกว่านี้ จะทำให้ระบบ search engines ตัดคำที่เกินไปทันที ซึ่งส่งผลให้ข้อมูลไม่ครบในการนำเสนอกลุ่มผู้สนใจของคุณ อีกหนึ่งอย่างคือ ควรที่จะให้คำอธิบายเป็นไปในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายๆ โดยที่ไม่สร้างความสงสัยให้กับกลุ่มผู้สนใจ ต้องมานั่งเดาว่าเวปไซต์ที่พวกเขาจะเข้าไปนั้นเป็นที่ต้องการจริงหรือไม่
Search Engine Optimization
SEO

คุณสามารถเขียนคำติชม หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านล่างครับ

Comments

  1. สุดยอดครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูล จะกลับมาเรื่อยๆครับ

    ReplyDelete
  2. Good stuffs with a lot of helpful info

    ReplyDelete

Post a Comment

Popular posts from this blog

สร้างแบรนด์ให้กับเวปไซต์ | Brand Your Website

Brands สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน วันนี้ SEO For Thai มีเรื่องดีๆ มาแนะนำกันอีกแล้ว โดยที่เมื่อเพื่อนๆเข้าใจหลักการเบื้องต้นของ เทคนิค SEO ต่างๆแล้ว วันนี้เรามาพูดเกี่ยวกับการยืนหยัดอยู่ในตลาดของเวปไซต์อย่างมั่นคง และยืนยาวกัน เหตุผลอย่างแรกสำหรับการสร้างแบรนด์เวปไซต์เลยก็คือ “ความต้องการ” โดยที่สามารถตอบทุกความต้องการของเพื่อนๆได้ ไม่ว่าจะต้องการให้มีจำนวนคนเข้ามาดูเวปไซต์เป็นจำนวนมากต่อวัน, ต้องการอยากให้มีคนมากดไลท์ (Like) กันเยอะๆ ซึ่งก็หมายความอย่างเดียวกันกับอย่างแรกนั่นเอง คือต้องการให้มีคนเข้ามาเยี่ยมชม แต่แบบที่สองคือต้องการให้มีคนกดไลท์ หรืออาจจะต้องการให้มีคนกรอกแบบฟอร์มเพื่อรับข่าวสาร ไปจนถึงต้องการให้มีผู้ที่สนใจและสั่งซื้อผลิตภํณฑ์หรือบริการต่างในเวปไซต์ของเราในที่สุดดังนั้นแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “แบรนด์” ที่จะกลายเป็นสิ่งที่ผู้สนใจนำไปใช้เรียกกันต่อไป

ความแตกต่างระหว่าง | White Hat and Black Hat SEO

ทางลัด หรือ ทางรอด White Hat SEO and Black Hat SEO การทำ  การตลาดเวปไซต์ แบบที่เรียกกันว่า SEO (Search Engines Optimizer) สามารถทำได้ในหลายรูปแบบ โดยทั้งนี้สามารถแบ่งออกได้เป็นสองแบบด้วยกันคือ การตลาดแบบใสสะอาดหรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า White Hat SEO และ การตลาดเวปไซต์แบบมืดดำ หรือเรียกว่า Black Hat SEO (เห็นชื่อแล้วเหมือนพ่อมดแม่มดในเรื่อง Harry Potter เลยนะครับ) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคนที่สนใจทางด้าน SEO จะไม่ค่อยทราบข้อมูลที่เท็จจริงในความแตกต่างว่าสิ่งไหนเป็นแบบขาว หรือแบบไหนดำ กันซักเท่าไหร่  ซึ่งโดยทั่วไปตามที่ SEO For Thai สามารถให้คำจำกัดความได้คือ หมวกสีขาว/การตลาดแบบใสสะอาด (White Had SEO) ส่วนใหญ่แนวทางและวิธีการทำงานจะเป็นไปในแนวทางของ กฏระเบียบของระบบ search engines ต่างๆได้ให้ไว้ และสำหรับส่วนความชั่วร้ายแบบ Black Hat SEO นั้นก็จะตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง โดยที่การทำงานคร่าวของทั้งสองฝ่ายจะแตกดังนี้

เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมด้วยบทความ | Article Submissions

Article Submissions (รวบรวมบทความเพิ่มลิงค์ประทับใจ) หลักการง่ายๆ การทำ SEO โปรโมทเวปไซต์ Article Submissions ง่ายๆ แต่ดูเหมือนเป็นสิ่งใหม่กับเพื่อนๆคนไทย ที่ไม่ค่อยชำนาญการเขียนบทความกันซักเท่าไหร่ ลองๆคิดแล้วนึกภาพตามนะครับ SEO For Thai ขอยกตัวอย่างเช่นเวปไซต์การจองโรงแรมที่โด่งดังเช่น Agoda เวปไซต์นี้รับรองโรงแรม ทันทีที่สิ้นสุดการพักกับโรงแรมที่จองผ่านเวปไซต์นี้ ทางระบบจะส่งอีเมล์ให้แขกผู้พักอาศัยได้กรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับโรงแรมนั้นๆ โดยที่รายละเอียดของแบบสอบถามนั้นจะส่งกลับไปที่หน้าเวปไซต์เพื่อรวบรวมอยู่ในส่วนคอลัมน์ของ "คำติชม" จะเป็นได้ว่าบริการแบบนี้ คนไทยเราไม่ค่อยคุ้นเคยกันซักเท่าไหร่...จริงไหมครับ? ดังนั้น Article Submissions จึงเป็นที่โด่งดัง และเรียกเรตติ้งให้กับเวปไซต์กันอย่างกระหน่ำเลยทีเดียว ซึ่งจะเรียกรวมว่า การทำ Back Links นั่นเอง มาถึงตรงนี้หลายคนคงนึกเห็นภาพกันคร่าวๆได้แล้ว เพราะการทำ Back Links ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเรียกคะแนนการติดอันดับเวปไซต์ค้นหาอย่างเช่น Google , Yahoo , Bing ในขั้นตอนการทำ SEO ได้เป็นอย่างดี โดยที่วันนี้ SEO For ...